ภูชี้ฟ้า เชียงราย
ที่สุดแห่งท้องทะเลหมอก

LINE it!

     พอถึงช่วงปลายฝนต้นหนาวหลายคนที่ชอบท่องเที่ยวคงอยู่นิ่งเฉย ๆ ไม่ได้ เชื่อว่าต้องวางแผนเพื่อจะไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง และถ้าใครชื่นชอบชมวิวดูทะเลหมอกที่สวยงามไม่แพ้ที่ไหน ต้องไปที่นี่เลย...ภูชี้ฟ้า ยอดเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาดอยผาหม่น จังหวัดเชียงราย  ที่เวลานี้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว และนั้นทำให้ผู้คนแห่กันมาเที่ยวตลอด โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาว  เล่นเอาคนที่มาเที่ยวต้องแย่งกันชมวิว    

     มาถึงวันนี้หลายคนอาจสงสัยว่า สถานที่บนภูเขาที่มีวิวทะเลหมอก ส่วนใหญ่ในภาคเหนือจะขึ้นต้นว่าดอยแทบทั้งนั้น  จะมีเพียงที่นี่กับตั้งชื่อว่า ภูชี้ฟ้า แทนที่จะชื่อว่า ดอยชี้ฟ้า ตามคำเรียกของคนเหนือ ซึ่งฟังยังไงก็ไม่รื่นหูเท่ากับภูชี้ฟ้า  ที่เป็นอย่างนั้น  เพราะเป็นชื่อที่คนต่างถิ่นตั้งให้ จึงเรียกว่า” ภู “  แต่สมัยก่อนพื้นที่ของภูชี้ฟ้า  เป็นดินแดนของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์  ครั้นเมื่อลัทธิคอมมิวนิสต์ล่มสลายไป จึงเริ่มมีคนเดินทางมาเที่ยวชมธรรมชาติที่นี่ และจากนั้นชื่อเสียงของภูชี้ฟ้าก็โด่งดังไปทั่วประเทศไทย 


 
    เมื่อเอ่ยถึงภูชี้ฟ้า ใครที่เคยสัมผัสมาแล้วต่างยกย่องให้เป็นสุดยอดจุดชมวิวทะเลหมอกและชมดวงอาทิตย์ที่ติดอันดับแนวหน้าของเมืองไทย  ซึ่งทุกๆ ปีในช่วงฤดูหนาวนักท่องเที่ยวจะหลั่งไหลกันมาเฝ้ารอชมตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าท่ามกลางทะเลหมอกบนขอบหน้าผา ที่ทำมุมประมาณ 45 องศาเหมือนชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า  จึงเป็นที่มาของชื่อว่า “ ภูชี้ฟ้า “ บนระดับความสูงถึง 1,646 เมตร

     ก่อนอื่นมารู้จักวนอุทยานแห่งชาติภูชี้่ฟ้า ตั้งอยู่ที่ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในจังหวัดเชียงราย อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่อิงฝั่งขวาและป่าแม่งาว ฟ้าทอง มีพื้นที่ประมาณ 2,500 ไร่ โดยพื้นที่วนอุทยานเป็นยอดเขาสูงในเทือกเขาดอยผาหม่น ติดชายแดนไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว



     จากตัวเมืองจังหวัดเชียงรายจะเดินทางไปยังภูชี้ฟ้าไม่ง่ายนัก เพราะมีหลายเส้นทางที่ไปได้ต้องวางแผนให้ดีว่าจะไปเส้นทางไหนดี และตลอดเส้นทางจะเป็นทางขึ้นเขาพร้อมกับทางโค้งคดเคี้ยว ขณะเดียวกันในช่วงฤดูหนาวระหว่างทางขึ้นภูชี้ฟ้ายังได้ชมดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่เรียกว่า ซากุระเมืองไทย เพราะดอกสีชมพูที่เบ่งบานสวยสดใสอยู่ข้างทางเต็มไปหมด ทำให้สัมผัสถึงความสุขเล็ก ๆที่หาได้ในเวลานั้น     

     และเมื่อมาถึงที่วนอุทยานภูชี้ฟ้าจะต้องผ่านจุดตรวจ โดยกำหนดเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 4.30 น.-18.30 น. ซึ่งต้องคำนวณเวลาให้ดีจากสถานที่พักเพื่อจะมายังภูชี้ฟ้า แต่จะให้ดีมาตั้งแต่ตอนกลางวันและมาหาที่พักใกล้ ๆ แต่ภายในวนอุทยานไม่มีบ้านพักให้เช่า มีเฉพาะสถานที่ให้สำหรับกางเต็นท์และห้องน้ำไว้ให้บริการเท่านั้น แต่ต้องเตรียมเต็นท์มาเองและที่กางเต็นท์จะอยู่ห่างจากจุดชมวิวประมาณ 1.5 กม.  



     ดังนั้นควรจะมาถึงตั้งแต่เช้าตรู่ประมาณตีห้าขณะที่ท้องฟ้ายังมืดสลัวอยู่ เพราะต้องใช้เวลาในการเดินเท้าขึ้นไปยังจุดชมวิวภูชี้ฟ้าอีกประมาณ 700 เมตร และก่อนจะขึ้นก็วอร์มอัพยืดเส้นยืดสายสักหน่อย เนื่องจากทางขึ้นเป็นดินแดงและเป็นทางชัน กว่าจะขึ้นไปถึงจุดชมวิวก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน แต่อีกไม่นานก็น่าจะหายเหนื่อยกับวิวทิวทัศน์ที่เห็นอยู่ตรงหน้า         

     และที่จุดชมวิวภูชี้ฟ้า  จะมีอยู่ 2 จุดให้เราได้ยืนชมวิว คือ จุดไฮไลท์บนภูที่ผู้คนมักจะไปยื่นรอกันก่อนแล้ว  กับลานกว้างพอสมควร ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่สามารถยืนชมวิวได้  แต่ก็ดูแคบไปถนัดตาเพราะจำนวนผู้คนที่ขึ้นมาที่นี่ไม่ใช่น้อย และที่บริเวณขอบหน้าผาจะมีรั่วกั้นเอาไว้ว่าเป็นเขตอันตราย   ซึ่งระหว่างที่รอให้พระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าให้รู้สึกลุ้นยังไงไม่รู้ ว่าจะสวยงามอย่างที่เห็นมาจากรูปภาพหรือเปล่า แต่ก็ขึ้นอยู่กับท้องฟ้าด้วยว่าจะเปิดมากน้อยแค่ไหน และยิ่งเป็นครั้งแรกในการมาชมวิวที่นี่เลยตื่นเต้นกว่าคนที่เคยมาแล้ว  จากนั้นพอใกล้เวลาที่ฟ้าเริ่มซางจะทำให้เห็นสายหมอกค่อยก่อตัวเป็นภาพต่าง ๆ ดูสวยงามเกินกว่าจะบรรยาย          



     แต่นั้นยังน้อยไปจนเมื่อพระอาทิตย์เริ่มพ้นขอบฟ้าจะเปล่งประกายแสงสว่างออกมาด้วยสีสันที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวทั้งสีส้มปนเหลืองที่เป็นแนวยาวสุดขอบฟ้า ซึ่งธรรมชาติเข้าใจสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างสวยงาม ผนวกกับท้องทะเลหมอกที่แพร่กระจายปกคลุมไปทั่ว ทำให้มองเห็นทิวเขาที่สลับซับซ้อนที่อยู่เบื้องล่าง สร้างความตื่นตาตื่นใจในชั่วขณะหนึ่ง และอีกมุมหนึ่งยังแซมด้วยทุ่งหญ้าดอกโคลงเคลง ที่มาช่วยเติมเต็มให้ภาพที่เห็นสวยงามกว่าที่คิดไว้เสียอีก    

     ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่นานกับการยืนชมวิว ขณะที่ดวงตะวันกลมโตสีส้มพ้นขอบฟ้า แต่ถึงจะผ่านพ้นไปแล้วผู้คนที่ตั้งหน้าตั้งตามาชมวิวอยู่ด้วยกันก็ยังคงยืนปักหลักไม่ได้ถอยกลับไป  เพราะเวลาแห่งการชื่นชมไม่ได้หมดลงแค่นั้น เรายังคงมองไปไกลสุดสายตากับทะเลหมอกที่เวิ้งว้างกว้างไกล พร้อมกับสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอดเหมือนกับได้เติมพลังให้กับชีวิต  และหากรอจนสายหมอกถูกความร้อนระเหยหมดแล้ว ก็ยังคงมองเห็นสายน้ำโขงไหลคดเคี้ยว ท่ามกลางผืนป่าของฝั่งลาวที่เขียวขจีสมบูรณ์อีกด้วย


 
        นอกจากนี้ที่มีหมู่บ้านชาวเขา บริเวณด้านล่างของภูชี้ฟ้า จะพบกับบรรยากาศของการท่องเที่ยว ซึ่งมีที่พักขนาดเล็ก ๆ หลายแห่งให้เลือกใช้บริการพร้อมกับความสะดวสบายพอสมควร ในราคาที่ไม่แพงมากนัก และที่บริเวณบ้านเช็งเม้งก่อนขึ้นสู่วนอุทยานภูชี้ฟ้า จะเป็นหมู่บ้านชาวม้ง หากมาเยือนภูชี้ฟ้าในช่วงปีใหม่ยังจะได้ชมงานปีใหม่ ที่ชาวม้งจะแต่งตัวม้งครบถ้วนทั้งหญิงและชาย จุดเด่นของงานคือการโยนลูกช่วงหรือลูกหินระหว่างหนุ่ม-สาว

     อย่างไรก็ตามการได้มาเยือน...ภูชี้ฟ้าครั้งนี้ เปรียบเสมือนกับการให้รางวัลกับชีวิต ซึ่งคุณสามารถเก็บเกี่ยวความทรงจำดี ๆ ไว้ได้ตลอด  และไม่มาด้วยตนเองก็คงไม่รู้ว่า ธรรมชาติได้มอบสิ่งดีๆ ให้กับทุก ๆ คน หากมีโอกาสที่จะเที่ยวอย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไป เที่ยวเถอะครับแล้วคุณจะรู้ว่าเมืองไทยน่าเที่ยวขนาดไหน 

      นอกจากที่ภูชี้ฟ้าแล้วยังสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงที่น่าสนใจเช่นกัน โดยเฉพาะดอยผาตั้ง อยู่ห่างจากภูชี้ฟ้าไปประมาณ 24 กิโลเมตร ในเขตบ้านผาตั้ง อำเภอเวียงแก่น เมื่อชมทะเลหมอกยามเช้าที่ภูชี้ฟ้าแล้ว ช่วงบ่ายจึงเหมาะที่จะไปเที่ยวดอยผาตั้ง ซึ่งจะได้เห็นทิวทัศน์ของแม่น้ำโขงที่กั้นพรมแดนไทย-ลาว ทิวทัศน์สุดสายตากับป่าเขียว ๆ บริเวณทางขึ้นสู่ผาตั้งยังมีผาบ่องลักษณะเป็นช่องหินขนาดใหญ่ ขนาดคนเดินผ่านได้ มองเห็นทิวทัศน์ของลาวได้สวยงามเช่นกัน

          การเดินทางไปยังดอยผาตั้ง สามารถใช้เส้นทางหลวงจังหวัดสาย 1093 และจากดอยผาตั้งยังสามารถเดินทางต่อไปยังอำเภอเชียงของ อำเภอเชียงแสน และอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายได้อีกด้วย

          รายละเอียดสอบถามได้ที่สำนักบริหารจัดการในพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 จังหวัดเชียงราย โทร. 053-714914 หรือฝ่ายจัดการวนอุทยาน สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 โทร. 0-25614292-3 ต่อ 719



เส้นทางสู่ภูชี้ฟ้า

     ในการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวไปยังภูชี้ฟ้า ได้สามเส้นทาง คือ 1.เส้นทางด้าน อ.เทิง 2.เส้นทางผ่าน อ.เชียงของ 3.เส้นทางจาก อ.เชียงคำ

     1.เส้นทางแรกใกล้และสะดวก  จากสี่แยกแม่กรณ์ตัวเมืองเชียงราย ใช้ทางหลวงหมายเลข 1020 (เชียงราย-เทิง) ระยะทาง 64 กม. ถึง อ.เทิง ใช้ทางหลวงหมายเลข 1021 (เทิง-เชียงคำ) อีก 6 กม. เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1155 ที่หลัก กม.94 (สามแยกปางค่า) เป็นทางลาดยางแต่ค่อนข้างแคบ คดเคี้ยวไปตามไหล่เขา ผ่านปางคำ บ้านรักถิ่นไทย บ้านรักแผ่นดิน และบ้านแผ่นดินทอง 

     เมื่อถึงหลัก กม.25 (ให้เลี้ยวขวาที่สามแยกบ้านเชงเม้ง) จะเป็นทางโค้งขึ้นเขาชัน มีแยกขวามือ เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1093 ซึ่งจะเลียบแนวชายแดนไทย-ลาว ไป อ.เชียงคำ จ.พะเยา ผ่านบ้านราษฎร์ภักดี (บ้านเช็งเม้ง) ระยะทางรวม 11 กม. มีทางแยกซ้ายมือ มีป้ายบอกทางไปยังจุดชมวิวภูชี้ฟ้า ทางช่วงนี้ลาดยางเรียบ แต่สูงชันและคดเคี้ยว ระยะทาง 1.7 กม. ผ่านที่ทำการวนอุทยานภูชี้ฟ้า ไปสิ้นสุดที่ลานจอดรถ 

     2.หากมาจาก อ.เชียงของ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1020 (เชียงของ-เทิง) ระยะทาง 15 กม. จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1155 มีป้ายบอกทางไปภูชี้ฟ้า เห็นได้ชัดเจน ระยะทาง 95 กม. ขับรถตามทางหลวงหมายเลข 1155 ผ่าน อ.เวียงแก่น (กม.70) สามแยกบ้านปางหัด ทางแยกขึ้นดอยผาตั้ง (กม.52) เมื่อถึงหลักกม.42 เป็นถนนลูกรังไปจนถึงหลัก กม.28 จากนั้นถนนจะไปบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 1093 ตรงหลัก กม.27 เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1093 ไปภูชี้ฟ้า อีก 11 กม. เช่นเดียวกับเส้นทางจาก อ.เทิง

     3. เส้นทางมาจาก อ.เชียงคำ จ.พะเยา ทางหลวงหมายเลข 1021 ให้เลี้ยงเข้าเส้นทางไปน้ำตกภูซาง หลวงหมายเลข 1093 ผ่านน้ำตกภูซาง (น้ำตกอุ่น) -ผ่านตลาดนัดไทย-ลาว.บ้านฮวก และผ่านเกษตรที่สูงผาหม่น และเดินทางเข้าสู่ภูชี้ฟ้า    

     สำหรับทางรถโดยสาร   จากสถานีขนส่งเชียงราย มีรถโดยสารไปยังภูชี้ฟ้าและดอยผาตั้ง รถออกเวลา 12.30 น. สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท สหกิจ โทร. 0-5371-1654

     Photo By  Changraifocus .com 

 
 

คำค้น : ภูชี้ฟ้า , เที่ยวภูชี้ฟ้า ,ภูชี้ฟ้า เชียงราย , เที่ยวภาคเหนือ , สถานที่เที่ยวภาคเหนือ , ที่เที่ยวจังหวัดเชียงราย , เที่ยวภูชี้ฟ้า เชียงราย ,ท่องเที่ยวเชียงราย , เชียงรายที่ไหนน่าเที่ยว ,เที่ยวทะเลหมอก , เที่ยวทะเลหมอกที่ภูชี้ฟ้า ,แหล่งเที่ยวเชียงราย ,ท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย , ดูทะเลหมอก