ถ้าจะกล่าวถึงเครื่องรางของขลังแห่งเมืองเพชรบุรี เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึง " พระขรรค์ของหลวงพ่อโศก แห่งวัดปากครองบางครก" เพราะเป็นพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่าที่ขึ้นชื่อว่าเป็นต้นตำรับในการสร้างพระขรรค์เทพศาตราวุธ  ที่ทำจากวัตถุอาถรรพ์เขาควายเผือกถูกฟ้าผ่าตาย จึงมีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์อย่างมากเทียบได้กับมีดหมอของหลวงพ่อเดิม แห่งวัดหนองโพ 

        หลวงพ่อโศก วัดปากคลองบางครก หรือ พระครูอโศกธรรมสาร ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ในระดับแนวหน้าในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2  โดยได้สร้างวัตถุมงคลออกมาหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเหรียญจันทร์ครึ่งเสี้ยว ปลัดขิก และผ้ายันต์ รวมถึงพระขรรค์ ซึ่งลูกศิษย์ลูกหาผู้ใกล้ชิด และประชาชนทั่วไปได้นำไปบูชาพกพาอาราธนาติดตัว ล้วนมีประสบการณ์ปาฏิหาริย์มากมายวัตถุมงคลของท่านโดดเด่นในเรื่องคงกระพันชาตรี สยบภูตผีปีศาจ เสนียดจัญไร และแคล้วคลาดปลอดภัยจากภัยพิบัติอันตรายต่างๆ 



     ในช่วงเวลาที่ท่านดำรงอยู่ในสมณเพศนอกจากจะได้ศึกษาเล่าเรียนทางพระธรรมวินัย และปฏิบัติศาสนกิจแล้วท่านยังได้ใช้เวลาว่างเท่าที่มีอยู่ศึกษาศิลปวิทยาการต่าง ๆเท่าที่นิยมกันอยู่ในสมัยนั้น ไม่ว่าจะเป็น วิชาโหราศาสตร์ เวชศาสตร์ และไสยศาสตร์  ซึ่งท่านได้ศึกษาอย่างจริงจัง และยังได้นำเอาวิชาต่าง ๆเหล่านี้มาช่วยเหลือผู้อื่นในโอกาสต่อมาด้วย เมื่อท่านได้มาครองวัดปากคลองบางครกแล้วท่านก็ได้ใช้ความรู้ที่ได้เล่าเรียนมา เช่น ในด้านเวชศาสตร์อันเกี่ยวกับการแพทย์แผนโบราณ โดยได้ทำประโยชน์สงเคราะห์ผู้อื่นตลอดมา 



     หลวงพ่อโศก วัดปากคลองบางครก ท่านเป็นผู้มีกฤตยาคมแก่กล้า มีจิตตานุภาพสูง จึงทำให้ท่านเป็นผู้มีเกียรติคุณมีชื่อเสียงเป็นที่เคารพนับถือของชนทุกชั้น ตั้งแต่ราษฏรสามัญชนไปจนถึงข้าราชการผู้ใหญ่ เช่น พระยาสุรพันธุ์เสนีย์ (อิ้น บุนนาก) ซึ่งต่างเชื่อมั่นในวัตถุมงคลที่ท่านสร้างขึ้น โดยเมื่อปี พ.ศ.2480 กว่านั้นทางไปวัดปากคลองฯแสนลำบาก ไม่สะดวกเหมือนปัจจุบัน แต่ก็มีผู้ที่ศรัทธาเดินทางไปนมัสการท่าน เพื่อขอของดีกันมากมายแน่นวัด ยิ่งช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ตอนญี่ปุ่นบุกไทยด้วยแล้ววัตถุมงคลของท่านออกแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว 


    
     สำหรับวัตถุมงคลของหลวงพ่อโศก หรือท่านพระครูอโศกธรรมสาร วัดปากคลองบางครกนั้น ไม่ใช่แค่ชาวเมืองเพชรเท่านั้นที่อยากได้มาครอบครอง แต่ผู้คนจากถิ่นอื่นก็ศรัทธาไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น คุณพระปลัด น้ำเต้ากันไฟ และผ้ายันต์ราชสีห์เส้นคู่ และที่อยากได้มากที่สุดเห็นจะเป็นพระขรรค์  ซึ่งเป็นเครื่องรางยอดนิยมอันดับหนึ่งของหลวงพ่อโศก โดยพระขรรค์นั้นก็คือ อาวุธปลายแหลม คล้ายมีด แต่มีสองคม และเรียวตรงกลาง  

     ความเป็นมาของพระขรรค์นี้คณาจารย์ท่านได้แยกแขนงมาจากมีดหมอ หรือเทพศาสตราใช้สำหรับการปราบภูติผีปีศาจ และคุ้มกันอันตราย คือแทนที่จะให้เหล็กตีเป็นใบมีดกลับใช้วัสดุอื่นมาทำเป็นพระขรรค์ ซึ่งวัตถุประสงค์ในการสร้างนั้นดุจเดียวกับมีดหมอนั่นเอง โดยพระขรรค์ของหลวงพ่อโศก วัดปากคลองบางครกนั้นจะทำจากเขาควายเผือกที่ถูกฟ้าผ่าตาย หรือตายโหง ซึ่งเป็นวัตถุอาถรรพ์เมื่อนำมาสร้างเป็นพระขรรค์แล้วจะมีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก 



     ในการสร้างพระขรรค์นั้น หลวงพ่อโศกท่านได้เดินทางไปเรียนวิชานี้มาจากสองสำนักคือ หลวงพ่อคล้าย วัดพระทรง ซึ่งได้เรียนพระขรรค์เล่มเล็ก โดยลงอักขระ" อิระเห เหระอิ สะเสพันธะวะขิสิสสะ" ส่วนพระขรรค์เล่มใหญ่นั้นท่านได้ไปเรียนมาจากพระอาจารย์อีกท่านหนึ่งคือ หลวงพ่อแหล่ม วัดบางคลี่ สมุทรสงคราม (ต่อมาได้ย้ายไปอยู่ที่วัดจันทร์เจริญสุข) โดยได้เรียนการสร้างพระขรรค์เล่มใหญ่ ซึ่งจะลงสูตรอักขระไม่เหมือนกันกับเล่มเล็ก นอกจากนี้บางเล่มที่ไม่ลงอักขระเพียงแต่ท่านเสกก็ใช้ได้เหมือนกัน 



      สำหรับกรรมวิธีการสร้างพระขรรค์นั้นตามตำราของท่านได้กำหนดว่าเขาควายนั้นจะต้องประกอบด้วยลักษณะดังนี้เป็นเขาควายเผือก (ควายธรรมดาใช้ไม่ได้) จะต้องตายโหงเท่านั้น คือ ถูกยิงตาย ขวิดกันเองตาย หรือถ้าถูกฟ้าผ่าตายได้ก็ยิ่งวิเศษนัก โดยเขาควายนั้นจะต้องไม่ถูกต้มมาก่อน กล่าวคือเมื่อควายตายลงก็ต้องชำแหละตัดเขาออกสดๆ ไม่ต้องรอให้แล่ควายออกเป็นส่วน ๆ แล้วจึงนำหัวมาต้มเพื่อเอาเขาออกได้สะดวกถ้าเป็นอย่างนั้นท่านว่าใช้ไม่ได้ 

      ในการแกะเขาควายเผือกให้เป็นรูปพระขรรค์นั้นจะต้องเป็นไปตามตำรา เริ่มจากตัดออกเป็นชิ้นพอเหมาะกับการแกะ ให้จำไว้ว่าทางไหนทางโคนเขา และทางไหนทางปลายเขาโดยให้ทำเครื่องหมายไว้ เพราะเวลาแกะให้เหลาจากโคนเขาไปหาปลายเขาเท่านั้น เป็นทางเดียวตลอดเวลาจนกว่าจะสำเร็จ ห้ามเหลาทวนเขาเด็ดขาด หรือทวนแม้แต่ครั้งเดียวก็ใช้ไม่ได้ต้องทิ้งไป

     เมื่อแกะพระขรรค์เสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อมาจะนำพระขรรค์มาลงอักขระ ในที่นี้จะแยกออกเป็นสองลักษณะเพราะเป็นการลงเต็มบทและย่อ ทั้งนี้และทั้งนั้นก็เนื่องมาจาก พระขรรค์ของหลวงพ่อมีทั้งขนาดใหญ่บูชาประจำบ้าน ไม่เหมาะสำหรับติดตัวและขนาดเล็กที่จะติดตัวได้สะดวก การลงถ้าเล่มใหญ่จะลงจากแบบเต็มบท ถ้าขนาดเล็กจะลงแค่จารอักขระหัวใจคาถาเท่านั้น 



คาถาบูชาพระขรรค์
พุทโธ ปัพพะชายาโน สัพพะศัตรู วินาสสันติ
ธัมโม ปัพพะชายาโน สัพพะศัตรู วินาสสันติ
สังโฆ ปัพพะชายาโน สัพพะศัตรู วินาสสันติ

      พระขรรค์เขาควายเผือกของหลวงพ่อโศก ถือว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดแห่งพระขรรค์ ที่มีอานุภาพใช้ได้ทุกทาง 1.ป้องกันอันตรายเมื่ออยู่กับตัวผู้ใช้ 2.ทักให้ตกใจในยามค่ำคืนถ้ามีภัยมา 3. ป้องกันภัยภูติผีปีศาจ 4.ผ่อนหนักเป็นเบาไม่ถึงคราวก็รอดตาย 5.เป็นที่ยำเกรงต่อศัตรู เป็นมหาอำนาจ พระขรรค์ของท่านใช้ไล่ผีได้แต่ให้ช่วยด้วยใจเมตตาห้ามเรียกเก็บเงินและห้ามอวดอ้าง และอีกอย่างพระขรรค์ของท่านยังป้องกันฟ้าผ่าได้ เพราะทำจากเขาควายฟ้าผ่าซึ่งเป็นของอาถรรพ์ 



      นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าถึงอานุภาพความเข้มขลังของพระขรรค์หลวงพ่อโศก ซึ่งได้นำมาใช้ในการปิดตำนาน...ของเสือขาว ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว โดยได้แขวนพระปิดตา และตะกรุดหลวงพ่อดิ่ง แต่กับประพฤติตนเป็นคนไม่ดีหันไปเป็นโจรผู้ร้าย จึงเป็นที่ต้องการตัวของตำรวจเป็นอย่างมาก แต่ทุกครั้งที่ตำรวจยิงปืนเข้าใส่เสือขาวลูกปืนกับไม่ระคายผิวแต่อย่างใด ทางตำรวจจึงมาหาหลวงพ่อดิ่งผู้เป็นอาจารย์เพื่อปรึกษาหาแนวทางในการคัดของเสือขาว  ซึ่งหลวงพ่อดิ่งท่านว่า ไม่มีอะไรคัดของของท่านได้ ยกเว้นอย่างเดียว คือ พระขรรค์หลวงพ่อโศก ผู้เป็นสหธรรมิกของท่านเพียงรูปเดียว  โดยให้ใช้ปลายพระขรรค์เขียนคาถาตามที่ท่านให้ลงที่ลูกปืน ผลสุดท้ายเสือขาวต้องจบชีวิตการเป็นโจรด้วยเหตุแห่งการล้างอาถรรพ์คัดของ

     มาถึงวันนี้พระขรรค์ของหลวงพ่อโศก ยังเป็นของดีที่ดีจริงและเป็นที่แสวงหากันมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเฉพาะชาวเมืองเพชรบุรีเชื่อว่าต่างมีไว้ครอบครองกันไม่น้อย ซึ่งใครมีแล้วมักจะหวงแหน เพราะอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของพระขรรค์นั้นเหลือคณานับ เอาเป็นว่าถ้าไม่มีมีดหมอหลวงพ่อเดิม ขอแนะนำพระขรรค์หลวงพ่อโศกแทนก็แล้วกัน...เล่มเดียวพกไปใช้ได้ทั่วโลกขึ้นเครื่องบินก็ได้ และยังพอหาเช่าบูชาได้ง่ายกว่าถูกกว่ามีดหมออีกด้วย